การหาพื้นที่เช่าสำนักงานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเป็นอีกปัจจัยที่สำคัญต่อการเจริญเติบโตของธุรกิจ เราจึงควรมั่นใจว่าพื้นที่เช่าออฟฟิศที่เราเลือกนั้นอำนวยความสะดวกต่อพนักงานของเรา และมีพื้นที่เหลือเพียงพอที่จะขยายธุรกิจได้ เพราะสัญญาเช่าส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ปี มีปัจจัยต่าง ๆ มากมายที่เราควรพิจารณาเมื่อต้องการหาเช่าพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพ ดังนี้
การทำธุรกิจนั้นจำเป็นต้องการพื้นที่สำหรับนั่งทำงาน ซึ่งพื้นที่สำนักงานให้เช่าในปัจจุบันก็มีหลายหลาย ไม่ว่าจะเป็นโฮมออฟฟิศ (Home Office) ออฟฟิศสำเร็จรูปพร้อมเฟอร์นิเจอร์ (Service Office) ออฟฟิศประเภท Co-Working Space หรือพื้นที่เช่าแบบปกติ (Traditional Office) ที่เป็นพื้นที่โล่ง ๆ ให้เราตกแต่งเอง การเลือกพื้นที่สำนักงานที่เหมาะสมกับธุรกิจ จะช่วยให้เราประหยัดทั้งเงินและเวลาในการหาพื้นที่เช่านั่นเอง
การเลือกทำเลที่สะดวกต่อพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากการจราจรที่ติดขัดในกรุงเทพ ทำเลที่ตั้งของออฟฟิศจึงช่วยให้พนักงานไม่เหนื่อยกับการเดินทางมากนัก หรือถ้าหากเรายังไม่มีพนักงานหรือกำลังจะมีในอนาคต ก็ควรหาพื้นที่เช่าออฟฟิศใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า เพื่อที่จะได้สะดวกต่อทุกคนที่จะมาทำงานให้เรา
เราต้องนึกถึงลูกค้าหรือผู้ที่จะมาติดต่อเราด้วยว่าตึกสำนักงานที่เราเลือกนั้นอยู่ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้ทางด่วน เดินทางสะดวก หรือหาได้ง่ายหรือไม่
นอกจากให้ความสนใจต่อทำเลที่ตั้งของตัวอาคารสำนักงานแล้ว เราควรนึกถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านค้าต่าง ๆ หรือแม้กระทั่งธนาคาร ไปรษณีย์ เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญทั้งสิ้น
หลังจากได้ทำเลแล้ว สิ่งต่อมาก็คือค่าเช่าที่เรารับได้ อย่าเช่าพื้นที่สำนักงานที่แพงเกินไป อย่าคิดว่าอนาคตน่าจะมีเงินเข้ามาพอจ่ายได้ ให้เลือกงบประมาณค่าเช่าที่เราสามารถจ่ายได้อย่างสบาย ๆ ไม่ตึงจนเกินไป
เพราะการเช่าออฟฟิศต้องใช้เงินก้อนแรกค่อนข้างสูง เพราะต้องวางเงินมัดจำ 3 เดือน + ค่าเช่าล่วงหน้า 1 เดือน นอกจากนี้ยังมีค่าตกแต่งสำนักงาน ค่าติดตั้งโทรศัพท์ ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าที่จอดรถ และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อีกที่เราคิดไม่ถึง หากเราเลือกจ่ายค่าเช่าพื้นที่ออฟฟิศแบบเต็มกำลังที่มีโดยไม่คำนึงถึงค่าใช้จ่ายอื่น ๆ หากธุรกิจมีปัญหาก็จะส่งผลกระทบได้ และเงินมัดจำที่เราวางไว้ก็ต้องสูญไปหากยกเลิกสัญญาก่อนกำหนด
ให้ยึดสัญญาแบบเป็นลายลักษณ์อักษรเป็นหลัก หลายครั้งในการเจรจาต่อรองอาจจะมีการตกลงกันได้ด้วยดี แต่ไม่ได้ลงในสัญญา เมื่อเกิดปัญหาขึ้นเราก็จะไม่สามารถเรียกร้องอะไรได้ นอกจากนี้ตึกหลาย ๆ แห่งในปัจจุบันบังคับให้เช่าจนครบ 3 ปี หากออกก่อนกำหนดก็บังคับให้จ่ายค่าเช่าจนครบสัญญา หากเราอ่านไม่ละเอียดอาจจะมีปัญหาในอนาคตอย่างมากเหมือนหลาย ๆ บริษัทก็เป็นได้
อันนี้อาจจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงหากเราไม่ละเอียดพอ โดยเฉพาะเรื่องแอร์ เนื่องจากตึกในกรุงเทพส่วนใหญ่เป็นตึกเก่า หลายตึกทางเจ้าของเป็นผู้ดูแลแอร์ให้ ในขณะที่บางตึกเป็นผู้เช่าดูแลเอง หากเราไม่ดูให้ดีอาจจะต้องเสียค่าบำรุงรักษาค่อนข้างสูงก็เป็นได้
การหาออฟฟิศใหม่ไม่ได้มีแค่การไปเช่าตึกเท่านั้น แต่มีรายละเอียดต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายแฝง รายละเอียดของสัญญา การดูแลบำรุงรักษาอาคารว่าใครเป็นคนจ่าย ค่าภาษีโรงเรือน และสิ่งต่าง ๆ มากมาย แนะนำให้หาเอเจนทีมีประสบการณ์คอยช่วยดูแล ซึ่งทางทีมงาน www.officebangkok.com ก็พร้อมที่จะให้ความสะดวกและบริการให้ฟรีโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ ซึ่งการใช้ผู้เชี่ยวชาญจะทำให้เราได้ออฟฟิศที่ตรงกับความต้องการในราคาที่เหมาะสม และยังช่วยดูแลสัญญาและสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้ผู้เช่าได้รับผลประโยชน์สูงสุด
อย่าเลือกแต่ตึกสำนักงานที่ราคาถูกอย่างเดียว เพราะค่าเช่าที่ถูกนั้นก็มีบริการที่ลดน้อยลงไปตามค่าเช่าด้วย เราควรหาตึกสำนักงานที่มี รปภ ตลอด 24 ชั่วโมง มีช่างอาคารประจำ มีแม่บ้านทำความสะอาดอย่างดี และตึกไม่เก่าหรือโทรมจนเกินไป ซึ่งทางทีมงาน www.officebangkok.com มีข้อมูลอาคารสำนักงานทุกแห่งในกรุงเทพ เราสามารถให้รายละเอียดตึกแต่ละตึกได้เป็นอย่างดีว่าที่ไหนดูแลอาคารดีและคุ้มค่ากับเงินมากที่สุด
แน่นอนว่าพื้นที่ออฟฟิศที่ใหญ่ย่อมดีกว่า แต่ก็จะเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นด้วย ดังนั้นควรเลือกพื้นที่สำนักงานให้เหมาะกับขนาดคนในออฟฟิศ ซึ่งบริษัทโดยทั่ว ๆ ไปนั้น มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8 – 10 ตารางเมตร/คน แต่หากเป็นบริษัทประเภท Call Center ก็จะอยู่ที่ 3 – 4 ตารางเมตร/คน ดังนั้นควรเลือกพื้นที่เช่าให้เหมาะกับขนาดบริษัท
เนื่องจากสัญญาเช่า 3 ปี หากออกก่อนครบกำหนดสัญญาก็จะมีบทลงโทษ ถ้าหากเรามีแผนที่จะขยายในอนาคต ควรจะเช่าพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้น เผื่อไว้เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาหากต้องรับคนเพิ่ม
บางธุรกิจเหมาะกับพื้นที่ออฟฟิศแบบเปิดโล่ง ในขณะที่บางออฟฟิศก็ต้องการความเป็นส่วนตัว ความเป็นสัดเป็นส่วน ดังนั้นควรวางผังออกแบบออฟฟิศแต่เนิ่น ๆ เพื่อให้เหมาะกับการทำงาน อย่าเช่าออฟฟิศแบบที่มีการตกแต่งของผู้เช่าเก่าเพื่อประหยัดงบประมาณแต่ไม่เหมาะกับการทำงาน เพราะเงินที่ประหยัดได้นั้นอาจจะไม่คุ้มกับประสิทธิภาพการทำงานที่เสียไป
ตึกส่วนใหญ่จะส่งมอบห้องแบบมาตรฐาน คือเป็นห้องโล่ง ๆ และผู้เช่าเป็นผู้ตกแต่งออฟฟิศเอง เมื่อครบกำหนดสัญญาและต้องการยกเลิกการเช่า ผู้เช่าจะต้องทำพื้นที่คืนให้เหมือนกับตอนที่รับมา อย่างไรก็ตามมีพื้นที่สำนักงานให้เช่าบางห้องที่มีการกั้นห้อง มีการตกแต่งแล้วจากผู้เช่าเดิม ต้องไม่ลืมที่จะพูดคุยกับทางอาคารว่าหลังจากหมดสัญญาจะต้องส่งมอบพื้นที่แบบไหน ต้องรื้อคืนเป็นห้องโล่ง หรือคงสภาพเดิมได้ เพราะการรื้นคืนและทำพื้น ฝ้า ไฟ แอร์ใหม่ตอนออกนั้นเป็นค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงพอสมควร
ที่จอดรถเป็นสิ่งสำคัญ และเกือบทุกตึกในกรุงเทพที่อยู่ใจกลางเมืองมีที่จอดรถไม่เพียงพอต่อความต้องการ ดังนั้นควรจะดูว่าเราต้องใช้ที่จอดรถกี่คัน และต่อรองขอเช่าที่จอดรถเพิ่มจากตึกได้มากน้อยแค่ไหน เพราะการคิดว่าเช่าไปก่อนและหาที่จอดรถจากตึกข้างเคียงบริเวณนั้นก็ได้ เป็นความเข้าใจที่ผิดอย่างมาก เพราะทุกตึกก็ไม่มีที่จอดรถให้เช่าเช่นกัน ดังนั้นควรพิจารณาเรื่องที่จอดรถให้ดีก่อนตัดสินใจเช่า
ถ้าหากเราเช่าพื้นที่สำนักงานในตึกที่เก่ามาก ๆ ลูกค้าก็จะมองว่าฐานะการเงินเราไม่ดี ไม่น่าจะติดต่อธุรกิจด้วย แต่หากเราเช่าพื้นที่ออฟฟิศในตึกเกรด A ตึกที่หรูหราเกินกำลัง ลูกค้าก็อาจจะมองว่าถ้าทำธุรกิจกับเราจะต้องจ่ายสูงกว่าปกติ เพราะต้นทุนค่าเช่าเราแพงก็เป็นได้ ดังนั้นควรเลือกตึกสำนักงานที่เหมาะสมน่าจะดีที่สุด
อย่าคิดแต่จะเช่าพื้นที่เพื่อวางโต๊ะทำงานอย่างเดียว ควรจะออกแบบพื้นที่ให้มีส่วนที่ช่วยให้พนักงานผ่อนคลาย หรืออำนวยความสะดวกในการทำงาน เช่นการมีห้องครัว มีพื้นที่สำหรับนั่งกินข้าว กินกาแฟ เป็นต้น
แต่ละตึกก็มีข้อจำกัดในการตกแต่งพื้นที่เช่าสำนักงานไม่เหมือนกัน บางตึกสามารถติดแอร์ Split Type เพิ่มได้ บางตึกทำไม่ได้ บางแห่งสามารถต่อท่อน้ำเอาไว้ล้างถ้วยล้างชามภายในพื้นที่ได้ แต่บางแห่งก็ทำไม่ได้ ดังนั้นควรพูดคุยรายละเอียดคร่าว ๆ ก่อนว่าสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้หรือไม่ เพื่อจะได้ไม่เกิดปัญหาในอนาคต
ระยะเวลาการเช่าเป็นสิ่งสำคัญ หากเราเพิ่งเริ่มต้นธุรกิจใหม่ หรือบริษัทเราอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง เราอาจต้องการสัญญาระยะสั้น แม้ว่าตึกส่วนใหญ่จะให้ทำสัญญาเช่า 3 ปี แต่ก็มีอีกหลาย ๆ ตึกสามารถคุยสัญญาเช่า 1 ปี ได้ ดังนั้นควรจะพูดคุยให้ดีก่อนที่จะเซ็นต์สัญญา
บางตึกระบุว่าต้องแจ้งล่วงหน้า 6 เดือน ว่าจะเช่าต่อหรือไม่ บางตึกอาจจะ 3 เดือน และบางตึกให้แจ้งล่วงหน้าแค่ 1 เดือน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะการเช่าสำนักงานนั้นควรหาพื้นที่ล่วงหน้าทไม่เกิน 3 เดือน คือ 1 เดือนหาให้ได้พื้นที่ที่ถูกใจ อีก 1 เดือนพูดคุยสัญญา และเดือนสุดท้ายเป็นการตกแต่งห้อง ถ้าหากเราหาพื้นที่ล่วงหน้านานกว่า 3 เดือน มักไม่มีตึกไหนให้เราวางเงินจอง เพราะตึกจะเสียโอกาส ให้คนรีบใช้ออฟฟิศเช่าก่อนดีกว่า เพราะได้ค่าเช่าเร็ว ดังนั้นหากตึกไหนระบุว่าต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนหมดสัญญา 6 เดือน ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่ นั่นก็หมายความว่าเราต้องตัดสินใจออกจากตึกนั้นโดยที่ยังไม่มีที่ใหม่เลย ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงว่าอาจจะหาพื้นที่สำนักงานที่ถูกใจไม่ได้ และนี่คือสิ่งที่เราต้องคำนึงให้ดี
บทความนี้เขียนโดย
จิรายุส 081-6824898
Director
บริษัท เจบี ออฟฟิเชียนซี่ จำกัด
หากต้องการรายละเอียดการเช่าออฟฟิศ เช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มเติม ติดต่อ จิรายุส 081-6824898 อีเมล jirayus.b@gmail.com