ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต
หากจะพูดถึงอาคารสำนักงานให้เช่าเกรด A บนถนนวิทยุแล้ว อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นับได้ว่าเป็นตึกออฟฟิศเกรด A ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะภายในอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นั้น ได้ทำการตกแต่งอย่างหรูหราเหมือนกับโรงแรม 5 ดาว ทั้งนี้เนื่องจากอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกับโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel) ซึ่ง Lobby ของตึกสำนักงานสามารถเชื่อมต่อกับ Lobby ของโรงแรมได้ ดังนั้นการตกแต่งพื้นที่ภายในอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จึงสะท้อนถึงความหรูหรา มีระดับ ซึ่งยากที่จะหาตึกออฟฟิศสำนักงานใด ๆ ในกรุงเทพฯ เทียบเคียงได้เลย
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิตเพียง 300 เมตร เท่านั้น การเดินทางมายังอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ สามารถมาได้ทั้งรถไฟฟ้า BTS รถเมล์ และรถยนต์ส่วนตัว โดยทางเข้าของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นั้น สามารถเข้าได้ถึง 3 ทาง ดังนี้
ตัวอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จะอยู่ถัดจากโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel) ดังนั้นจึงใช้ทางเข้าทางเดียวกันกับทางเข้าของโรงแรม
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างโรงแรมซึ่งอยู่ติดกับถนนวิทยุ และ แอทธินี เรสซิเด้นซ์ (Athenee Residence) ซึ่งอยู่ติดกับถนนซอยร่วมฤดี ดังนั้นอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จึงสามารถเข้ามาทางด้านแอทธินี เรสซิเด้นซ์ (Athenee Residence) ได้ด้วยเช่นกัน
ทางเข้าด้านนี้ไม่สามารถขับรถเข้ามาได้ ต้องเดินเท้าเท่านั้น ซึ่งสะดวกสำหรับพนักงานออฟฟิศที่มาทำงานด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีเพลินจิต จากนั้นเดินมาทางด้านหลังของอาคารมหาทุน พลาซ่า ซึ่งจะมีอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น เรียงติดกันตลอดแนว แต่ว่ามีอาคารพาณิชย์หลังหนึ่งที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ได้ทำการตีทะลุอาคารให้สามารถเดินเข้ามายังตึกแอทธินี ทาวเวอร์ ได้
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ตั้งบนพื้นที่ 7 ไร่ 43 ตารางวา สร้างขึ้นเมื่อปี 2550 เป็นอาคารสูง 34 ชั้น โดยมีพื้นที่ใช้สอยทั้งสิ้น 46,360 ตารางเมตร โดยมีการแบ่งพื้นที่ต่าง ๆ ของอาคาร ดังนี้
ในด้านพื้นที่ออฟฟิศให้เช่าของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นั้น แต่ละชั้นจะมีพื้นที่ขนาด 1,095 - 1,430 ตารางเมตร/ชั้น เนื่องจากชั้นสูง ๆ ของอาคารจะมีพื้นที่น้อยลงตามลักษณะการออกแบบของอาคาร ซึ่งในการเช่าพื้นที่ออฟฟิศนั้น พื้นที่มาตรฐานที่ทางอาคารส่งมอบให้จะเป็นห้องโล่ง ๆ พื้นปูน ทางผู้เช่าจะต้องทำการออกแบบและตกแต่งเองทั้งหมด และเมื่อสิ้นสุดสัญญาเช่า ทางผู้เช่าก็ต้องทำการส่งมอบพื้นที่ในสภาพเดิมที่เคยรับมา นั่นก็คือต้องรื้อทุกอย่างออกให้หมดและปรับพื้นที่ให้เป็นห้องโล่ง ๆ พื้นปูนเหมือนตอนที่รับมอบห้องมา
พื้นที่ของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ แม้ว่าจะแบ่งออกเป็นโซนร้านค้าและโซนออฟฟิศให้เช่าเหมือนกับอาคารสำนักงานทั่วไป แต่พื้นที่ร้านค้าของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นั้นมีไม่มากนัก ทั้งนี้เพื่อคง Concept ของอาคารสำนักงานระดับ A+ ที่เน้นความหรูหรามีระดับมากกว่าการหารายได้จากการขายพื้นที่เช่า
แม้ว่าอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จะตั้งอยู่ใจกลางเมืองที่มีราคาที่ดินสูงมาก ๆ แต่ทางอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ก็ยังคงให้ความสำคัญกับที่จอดรถเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับพนักงานออฟฟิศที่จะเดินทางมายังอาคาร โดยอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ มีที่จอดรถทั้งหมดถึง 800 คัน ซึ่งมากกว่ามาตรฐานทั่วไปที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้เพราะต้องการอำนวยความสะดวกให้กับทุกคนที่มาติดต่อ และเป็นต้นแบบมาตรฐานอาคารสำนักงานเกรด A+ ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมเหนือมาตรฐานทั่วไป
- ลิฟท์โดยสาร (Passenger Lift)
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ มีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 10 ตัว ซึ่งได้แบ่งโซนสำหรับการขึ้นลงเป็น Low Zone กับ High Zone ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความรวดเร็วในการไปยังออฟฟิศต่าง ๆ โดยเฉพาะในชั่วโมงเร่งด่วน อีกทั้งผู้ที่จะขึ้นไปยังอาคารนั้นจะต้องมีบัตรถึงจะผ่านเข้าไปยังลิฟท์โดยสารได้ และบัตรแต่ละใบสามารถขึ้นได้แค่ชั้นใดชั้นหนึ่งเท่านั้น ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาความปลอดภัยให้กับทุกคนที่อยู่ภายในอาคาร
ทางอาคารได้จัดเตรียมลิฟท์ขนของไว้ให้โดยเฉพาะ 1 ตัว สำหรับการขนส่งสินค้าหรืออุปกรณ์สำนักงานต่าง ๆ ของแต่ละบริษัท
ที่จอดรถของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นั้นจะอยู่ชั้นใต้ดิน ตั้งแต่ชั้น B1 – B3 ทางอาคารจึงได้จัดเตรียมลิฟท์ไว้ถึง 3 ตัวด้วยกัน ซึ่งนับได้ว่าค่อนข้างมากสำหรับที่จอดรถแค่ 3 ชั้น เท่านั้น
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ตั้งอยู่บนถนนวิทยุ ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต ทำเลที่ตั้งง่ายต่อการเดินทางไปยังที่ต่าง ๆ เพราะจากที่ตั้งอาคารสามารถเดินทางไปได้ทั้งถนนพระราม 4 ถนนสาทร ถนนเพลินจิต หรือถนนเพชรบุรีตัดใหม่ อีกทั้งยังใกล้ทางขึ้นลงทางด่วนอีกด้วย ดังนั้นทำเลที่ตั้งของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จึงเป็นจุดแข็ง เป็นข้อได้เปรียบที่มีน้อยตึกนักที่จะมีจุดแข็งแบบนี้ได้
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ มีการตกแต่งภายในอย่างหรูหราที่ไม่เหมือนใคร เทียบเท่ากับโรงแรมระดับ 5 ดาว ดังนั้นออฟฟิศต่าง ๆ ที่เช่าพื้นที่สำนักงานภายในอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จึงได้ภาพลักษณ์ (image) ที่ดี เพราะต้องเป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินดีจึงจะสามารถเช่าออฟฟิศในตึกระดับนี้ได้
เนื่องจากตัวอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ เชื่อมต่อกับโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel) ดังนั้นผู้เช่าออฟฟิศภายในตึกจึงสามารถใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของโรงแรมได้ ไม่ว่าจะเป็นการเช่าห้องประชุม เช่าห้องสัมมนา ร้านอาหาร การใช้บริการห้องออกกำลังกายหรือใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ของโรงแรม นอกจากนี้ภายในอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ยังมีออฟฟิศสำเร็จรูปให้เช่า (Service Office for Rent) ซึ่งเป็นออฟฟิศพร้อมเฟอร์นิเจอร์ และภายในพื้นที่ของสำนักงานสำเร็จรูปนี้ก็ยังมีห้องประชุมให้เช่าทั้งขนาดเล็กและใหญ่ สามารถเช่าได้ทั้งรายชั่วโมง รายครึ่งวัน และรายวันได้
อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นับเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าแรก ๆ ของกรุงเทพฯ ที่ติดตั้งระบบการใช้บัตรเพื่อขึ้นไปบนอาคาร ถ้าหากไม่มีบัตรก็จะไม่สามารถเข้าไปบริเวณลิฟท์ได้ ซึ่งบัตรแต่ละใบจะระบุชั้นที่จะขึ้นไป ทำให้สามารถระบุตัวตนคนทุก ๆ คนที่อยู่ในแต่ละชั้นได้ และทางเข้าอาคารแบบนี้ก็ได้เป็นต้นแบบทางเข้าอาคารสำนักงานของหลาย ๆ ตึกในปัจจุบัน
แม้ว่าอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ จะมีการแบ่งห้องตามกึ่งกลางเสา แต่พื้นที่เช่าบางยูนิตนั้น เสาไม่ได้อยู่ระดับเดียวกับหน้าต่างเหมือนอาคารสำนักงานเกรด A หลาย ๆ ตึกที่เป็นแบบ Column-Free เมื่อมีช่องว่างระหว่างเสากับหน้าต่าง ทำให้บางครั้งต้องปล่อยบริเวณนั้นเป็นพื้นที่โล่ง ๆ จึงเป็นการเสียพื้นที่ไปโดยที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์
การที่อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ อยู่ตรงกลางระหว่างโรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทล, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล (The Athenee Hotel, a Luxury Collection Hotel) กับแอทธินี เรสซิเด้นซ์ (Athenee Residence) ทำให้ไม่สามารถเห็นตัวอาคารได้อย่างชัดเจนจากถนนใหญ่ ซึ่งอาจจะเป็นอุปสรรคสำหรับคนที่มาที่อาคารเป็นครั้งแรก
เนื่องจากอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ เป็นอาคารออฟฟิศเกรด A หรูหราระดับโรงแรม 5 ดาว ทำให้ไม่ค่อยมีร้านค้าภายในอาคาร และถ้ามีก็จะราคาค่อนข้างแพง ทำให้พนักงานโดยทั่วไปต้องออกไปหาอาหารทานด้านนอก ซึ่งอาจจะลำบากหากมีฝนตกหนักในช่วงพักกลางวัน
โดยปกติเมื่อบริษัทหนึ่งต้องการจะหาพื้นที่เช่าออฟฟิศใหม่ ปัจจัยหลัก ๆ ที่ใช้ในการพิจารณาตึกออฟฟิศให้เช่า คือ ราคาค่าเช่าสำนักงาน ทำเลที่ตั้ง และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ สำหรับพนักงาน ซึ่งหากจะดูภาพรวมของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ แล้ว จะเห็นได้ว่าอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ สามารถตอบโจทก์ได้เป็นอย่างดี เนื่องจากอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ นั้นได้ตั้งตัวเองเป็นอาคารสำนักงานให้เช่าระดับ 5 ดาว ดังนั้นทั้งตัวอาคารและทำเลที่ตั้งย่อมต้องดีและได้เปรียบอาคารสำนักงานให้เช่าอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกันอย่างแน่นอน จุดที่เป็นข้อด้อยของอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ก็คงจะเป็นสิ่งอำนวยความสะดวก เพราะทุก ๆ อย่างที่มีภายในอาคารล้วนหรูหราระดับ 5 ดาว ซึ่งรวมทั้งร้านค้าต่าง ๆ แม้ว่าจะมีในตึกน้อยก็ตาม แต่ราคาของร้านเหล่านี้ค่อนข้างสูงเกินกว่าพนักงานระดับปฏิบัติการทั่วไปจะซื้อหาได้ทุก ๆ วัน อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เพราะบริเวณรอบ ๆ อาคารนั้นมีร้านค้าและร้านอาหารจำนวนมากที่มีราคาถูก อีกทั้งยังใกล้ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และซุปเปอร์มาเก็ตต่าง ๆ ดังนั้นการหาอาหารกลางวันทานสำหรับพนักงานทั่วไปจึงไม่น่าจะมีปัญหา ดังนั้นหากออฟฟิศของท่านต้องการหาพื้นที่เช่าสำนักงานที่มีความหรูหรา ได้มาตรฐานอาคารสำนักงานเกรด A+ อาคารแอทธินี ทาวเวอร์ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ค่อนข้างตอบโจทก์และยากที่จะหาตึกออฟฟิศใด ๆ ในกรุงเทพฯ เทียบเท่าได้
หากท่านต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับอาคารแอทธินี ทาวเวอร์ หรือต้องการหาพื้นที่เช่าสำนักงานก็สามารถติดต่อทางทีมงาน OfficeBangkok.com ได้ทุกเมื่อ
บทความนี้เขียนโดย
จิรายุส 081-6824898
Director
บริษัท เจบี ออฟฟิเชียนซี่ จำกัด
หากต้องการรายละเอียดการเช่าออฟฟิศ เช่าพื้นที่สำนักงานเพิ่มเติม ติดต่อ จิรายุส 081-6824898 อีเมล jirayus.b@gmail.com